สายสัมพันธ์ไทย-จีนอันแน่นแฟ้นมายาวนาน ประจักษ์ชัดในศาลเจ้าแห่งนี้ ซึ่งทุกวันจะมีทั้งชาวไทย จีนและชาวไทยเชื้อสายจีนมากราบไหว้ขอพรอย่างมากมาย โดยเฉพาะช่วงปีใหม่จะมาขอพรแก้ปีชงกันคึกคักเป็นทวีคูณ ที่นี่เป็นสิ่งก่อสร้างตามแบบสถาปัตยกรรมจีนบนเนื้อที่ถึง 26.5 ไร่โดยมีต้นแบบจากศาลเจ้าของมูลนิธิหนานคุณเซินไต้เทียนฟู่ที่ไต้หวันซึ่งเป็นศาลที่ประทับของเทพเจ้าโหงวหวังเอี้ยที่ใหญ่และเก่าแก่ที่สุดของประเทศและยังใช้สถาปนิกชาวไต้หวันในการออกแบบศาลเจ้าแห่งนี้ด้วย เทพเจ้าโหงวหวังเอี้ย หรือ เทพเจ้าแห่ง 5 ตระกูลได้แก่เทพเจ้าตระกูลหลี่ เทพเจ้าตระกูลฉือ เทพเจ้าตระกูลอู่ เทพเจ้าตระกูลจู และเทพเจ้าตระกูลฟ่าน เรียกรวมกันว่า อู๋ฟุ่เซียนส้วยตามตำนานกล่าวว่าเป็นยอดขุนพลที่มีความซื่อสัตย์สุจริตเมื่อ 1,400 ปีก่อนจนความดีเลื่องลือไปถึงสวรรค์ เชื่อกันว่าหากได้มาบูชาโหงวหวังเอี้ยจะช่วยคุ้มครองให้ชีวิตร่มเย็นประสบความสุขและความเจริญรุ่งเรือง อธิษฐานสิ่งใดก็จะได้สมดังปรารถนา ซึ่งมีผู้อัญเชิญเสด็จเข้ามาในประเทศไทยตั้งแต่ปี พ.ศ. 2519 แต่เพิ่งมาสร้างศาลเจ้าแห่งนี้ขึ้นในภายหลังเมื่อ พ.ศ. 2534 ภายในศาลเจ้าประดับตกแต่งในสีมงคลแดง-ทองสุดอลังการ มีสัตว์มงคลหงส์และมังกร รวมถึงตัวละครในนิทานพื้นบ้านจีนกระจายอยู่ทั่วหลังคา ชายคาแต่งไม้แกะสลักลงรักปิดทอง ด้านหน้ามีสิงโตคู่ที่ใหญ่ที่สุดในประเทศไทย แกะสลักจากหินหยกเขียว นำเข้าจากประเทศจีนได้รับการปลุกเสกคาถาศักดิ์สิทธิ์จากนักพรตในลัทธิเต๋าที่เชื่อกันว่า สิงโตคู่ช่วยกำจัดสิ่งชั่วร้ายภูตผีปีศาจและอาถรรพ์ทั้งปวงได้ ภายในมีเทพเจ้าหลายองค์ มีลำดับการไหว้คือ เริ่มต้นจากไหว้ฟ้าดิน เทพโหงวหวังเอี้ยเทพจงเจียงจวิน เทพเฉินหวงเหย่ เจ้าแม่เต้า พระโพธิสัตว์กวนอิม องค์แป๊ะกงและเจ้าแม่บังเกิดเกล้าเพื่อเป็นสิริมงคลแก่ชีวิต เปิดให้เข้าชมทุกวันตั้งแต่เวลา 08.00-17.00 น. สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ +66 2323 3120-4