ฟุตบอลลีกอาชีพเมืองไทยปิดฉากฤดูกาลอันสุดแสนยาวนานกันไปแล้วฮอตสปอร์ตนำบทสรุปของลีกสูงสุดแบบละเอียดยิบมาให้ทราบกันไทยลีก 1 “เดอะแรบบิท” บีจี ปทุม ยูไนเต็ด (แชมป์), “ปราสาทสายฟ้า” บุรีรัมย์ ยูไนเต็ด (รองแชมป์), “สิงห์เจ้าท่า” การท่าเรือ เอฟซี (อันดับ 3) โดยบุรีรัมย์และการท่าเรือได้ไปเตะเอเอฟซี แชมเปียนส์ลีก 2022รอบเพลย์ออฟ ขณะที่บีจี ปทุมฯ และ “กว่างโซ้ง” เชียงราย ยูไนเต็ด ในฐานะทีมแชมป์เอฟเอคัพ ได้ไปเตะเอเอฟซี แชมเปียนส์ลีก 2022 รอบแบ่งกลุ่มแบบอัตโนมัติ ส่วนทีมที่ต้องตกชั้นสู่ลีกพระรองไทยลีก 2 คือ “ค้างคาวไฟ” สุโขทัย เอฟซี,“ม้านิลมังกร” ระยอง เอฟซี และ “ช้างขาวจ้าวเกาะ” ตราดเอฟซี
ดาวซัลโว บาร์รอส ทาร์เดลี (สมุทรปราการ ซิตี้) 25 ลูก, ท็อปแอสซิสต์ เจริญศักดิ์ วงษ์กรณ์ (สมุทรปราการ ซิตี้) 14 แอสซิสต์, ดาวซัลโวคนไทย ฟิลิป โรเลอร์ (ราชบุรี มิตรผล เอฟซี) 14 ลูก, บุรีรัมย์ เป็นทีมที่ทำประตูได้มากสุด 63 ลูก, ระยองเอฟซี ทำประตูได้น้อยสุด 24 ลูก และเป็นทีมที่เสียประตูมากสุด 69 ลูก, บีจี ปทุม ยูไนเต็ด เป็นทีมที่เสียประตูน้อยสุด 13 ลูก
มีแฮตทริกเกิดขึ้นทั้งหมด 13 ครั้ง, คนทำแฮตทริกมากสุด บาร์รอส ทาร์เดลี (สมุทรปราการซิตี้), เดนิส มูริลโล (นครราชสีมา มาสด้า เอฟซี) คนละ 3 ครั้ง, คนที่ทำประตูต่อเกมมากสุด จอห์น บาจโจ (สุโขทัย เอฟซี), เดนิส มูริลโล (นครราชสีมา มาสด้า เอฟซี) คนละ 4 ลูกต่อ 1 เกม, บาร์รอส ทาร์เดลี (สมุทรปราการ ซิตี้) เป็นนักเตะที่มีส่วนร่วมกับประตูมากสุด 25 ประตู กับอีก 1 แอสซิสต์, บุรีรัมย์เป็นทีมที่มีจำนวนนักเตะที่ทำประตูมากสุด 19 คน
ทั้งฤดูกาลมีจุดโทษเกิดขึ้นทั้งหมด 115 ลูก ยิงเข้า 99 ลูกไม่เข้า 16 ลูก ทีมที่ได้จุดโทษมากสุด คือ การท่าเรือ เอฟซี 13 ครั้ง, ทีมที่เสียจุดโทษมากสุด พีที ประจวบ เอฟซี 13 ครั้ง, ลูกที่ยิงไม่เข้าเป็นการยิงข้ามคานมากที่สุด 4 ครั้ง, เกมที่มีจังหวะจุดโทษรวมกันมากสุดเป็นเกมที่การท่าเรือ เอฟซี พบกับพีที ประจวบ เอฟซี 4 ครั้ง และขวัญชัย สุขล้อม นายทวารของพีที ประจวบ เอฟซี เซฟจุดโทษได้มากสุด 3 ครั้ง
มีใบแดงเกิดขึ้นทั้งหมด 54 ใบ, ตราดเอฟซี เป็นทีมที่ถูกใบแดงมากสุด รวม 9 ใบ, สุวัฒน์จันบุญภา ของระยอง เอฟซี โดนใบแดงมากสุด 3 ใบ,เกมที่มีใบแดงมากสุด ตราด เอฟซี พบนครราชสีมา มาสด้า เอฟซี รวม 3 ใบ, บุรีรัมย์ ยูไนเต็ด และการท่าเรือ เอฟซี เป็นเพียงแค่ 2 ทีมที่ไม่เคยโดนใบแดง,ยอดรักษ์ นาเมืองรักษ์ (ระยอง เอฟซี) โดนใบเหลืองมากสุด 12 ใบ, เกมที่ยิงประตูรวมกันมากสุด ได้แก่สมุทรปราการ ซิตี้ ชนะ การท่าเรือ เอฟซี 6-3, ระยองเอฟซี แพ้ การท่าเรือ เอฟซี 2-7 และแบงค็อก ยูไนเต็ด แพ้ สุโขทัย เอฟซี 4-5, เกมที่ยิงประตูขาดลอยที่สุด สมุทรปราการ ซิตี้ แพ้ บีจี ปทุม ยูไนเต็ด 0-6,ทีมที่ยิงประตูใน 10 นาทีแรกมากสุด สมุทรปราการซิตี้ 8 ลูก, ทีมที่ยิงประตูใน 10 นาทีสุดท้ายมากสุดบุรีรัมย์ ยูไนเต็ด 12 ลูก, สุมัญญา ปุริสาย มิดฟิลด์ทีมบีจี ปทุม ยูไนเต็ด เป็นนักเตะที่ทำประตูเร็วสุดแค่ 14 วินาทีแรกของเกม ในนัดที่พบกับสุโขทัย เอฟซี,ณรงค์ จันทร์เสวก (โปลิศ เทโร เอฟซี) ยิงฟรีคิกได้มากสุด 3 ประตู
แบงค็อก ยูไนเต็ด เป็นทีมที่ทำเข้าประตูตัวเองมากที่สุด 3 ลูก, ทีมที่ได้ประตูจากการที่คู่ต่อสู้ทำเข้าประตูตัวเองมากสุดเป็นราชบุรี มิตรผล เอฟซี 4 ลูก, สกอร์ยอดฮิต 1-0 รวมทั้งหมด 46 คู่, มีการเปลี่ยนโค้ชทั้งสิ้น 10 ครั้ง (10 คน 7 สโมสร) ประกอบด้วย ระยอง เอฟซี, การท่าเรือ เอฟซี, เอสซีจี เมืองทอง ยูไนเต็ด, แบงค็อก ยูไนเต็ด, บุรีรัมย์ ยูไนเต็ด,เชียงราย ยูไนเต็ด และราชบุรี มิตรผล เอฟซี, ทีมที่เปลี่ยนโค้ชมากสุด ระยอง เอฟซี, การท่าเรือ เอฟซี, ราชบุรีมิตรผล เอฟซี โดยที่ตราด เอฟซี เป็นทีมที่ไม่เคยชนะใครในบ้านตัวเอง และระยอง เอฟซี เป็นทีมที่ไม่เคยชนะใครนอกบ้าน
ส่วนไทยลีก 2 “พญาไก่ชน” หนองบัวพิชญ เอฟซี (แชมป์), “ช้างเผือก” เชียงใหม่ ยูไนเต็ด (รองแชมป์) ทั้งสองทีมขึ้นชั้นสู่ไทยลีก 1 แบบอัตโนมัติ ส่วนอีกทีมเป็น “จงอางผยอง” ขอนแก่น ยูไนเต็ด ซึ่งเป็นผู้ชนะรอบเพลย์ออฟตามขึ้นชั้นไปเป็นทีมที่ 3 โควตาสุดท้าย ขณะที่ “กูปรีอันตราย”ศรีสะเกษ เอฟซี, “ลูกพระชนก” อุทัยธานี เอฟซี และ “สำเภาผยอง” ไทยยูเนี่ยน สมุทรสาคร เอฟซี ต้องตกชั้นสู่ไทยลีก 3
ขณะที่ไทยลีก 3 “ราชันโคขาว” ลำพูน วอริเออร์ (แชมป์), “ค้างคาวมหากาญจน์” เมืองกาญจน์ ยูไนเต็ด (รองแชมป์) และ “ตราชฎา” ราชประชา เป็น 3 ทีมที่ได้ขึ้นชั้นสู่ไทยลีก 2โดยที่ฤดูกาลนี้ไทยลีก 3 จะไม่มีทีมที่ตกชั้น
อย่างไรก็ตาม คงต้องบอกว่าฤดูกาลอันแสนหฤโหดนี้ผ่านพ้นมาได้แบบทุลักทุเล
ที่ต้องระบุเช่นนั้น ก็อันเนื่องมากจากปัญหาเรื่อง “เงิน” ซึ่งเป็นปัญหาใหญ่ ดังจะเห็นได้ว่าทุกสโมสรต่างก็มีปัญหาเรื่องของการขาดสภาพคล่อง
เรื่องนี้อย่างที่ทราบกันดีอยู่แล้วว่าก่อนหน้านี้สมาคมกีฬาฟุตบอลฯตัดสินใจตัดจบฤดูกาลเอาดื้อๆ จนทำให้สูญเสียรายได้จากค่าลิขสิทธิ์ถ่ายทอดสดไปหลายร้อยล้านบาท จึงเป็นที่มาของการที่สมาคมกีฬาฟุตบอลฯและไทยลีก ยังไม่ได้มอบเงินสนับสนุนให้กับทุกทีมตามที่เคยได้
หลายสโมสรอดรนทนไม่ไหวจนต้องออกมาเรียกร้องเชิงทวงถามเกี่ยวกับเงินดังกล่าวหลายครั้ง
แต่ก็ดูเหมือนว่าความชัดเจนของเรื่องนี้จะต้องยืดเยื้อออกไปอย่างไม่มีกำหนด
จะได้หรือไม่ได้ ถ้าได้จะได้เท่าไหร่?
ฟุตบอลไทยจะเดินหน้าต่อไปอย่างไร จะสามารถพัฒนาไปได้อย่างที่ควรจะเป็นหรือไม่
ถึงตรงนี้…ยังไม่มีทิศทางที่แน่นอน ชัดเจน
ทั้งๆที่ฤดูกาลใหม่กำลังจะเริ่มขึ้นอยู่รอมร่อแล้ว!!!