การเมือง
ถอดบทเรียนเทศบาลบางปูต้น แบบท้องถิ่นบริหารขัดแย้งตามแนวสันติวิธี
วันเสาร์ ที่ 06 มีนาคม พ.ศ. 2564, 13.11 น.
คลิกที่นี่
ถอดบทเรียนเทศบาลบางปูต้น แบบท้องถิ่นบริหารขัดแย้งตามแนวสันติวิธี สร้างการมีส่วนร่วมชุมชนมองทุกคนต้องช่วยกันป้องกันและรักษา
วันที่ ๕ มีนาคม ๒๕๖๔ พระปราโมทย์ วาทโกวิโท,ดร. อาจารย์หลักสูตรสันติศึกษา มหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย(มจร) เลขานุการศูนย์ไกล่เกลี่ยข้อพิพาทภาคประชาชน มจร นักศึกษาหลักสูตรประกาศนียบัตรแนวคิดพื้นฐานการจัดการความขัดแย้งด้วยสันติวิธี รุ่น ๕ สถาบันพระปกเกล้า ได้เปิดเผยว่า ได้ลงพื้นที่ศึกษาดูงานถอดบทเรียนการบริหารจัดการความขัดแย้ง ภายใต้ “หลักสูตรแนวคิดพื้นฐานการจัดการความขัดแย้งด้วยสันติวิธี” รุ่น ๕ โดย สำนักสันติวิธีและธรรมาภิบาล สถาบันพระปกเกล้า โดยศึกษาดูงานท้องถิ่นกับบริหารจัดการความขัดแย้ง เทศบาลตำบลบางปู จังหวัดสมุทรปราการ ในวันศุกร์ที่ ๕ เดือนมีนาคม พ.ศ.๒๕๖๔ เวลา ๐๙.๐๐-๑๖.๓๐ น. ซึ่งก่อนมาศึกษาดูงานมีโอกาสรับฟัง #เทศบาลบางปูกับการขับเคลื่อนงานสมานฉันท์ในพื้นที่ ภายใต้ #บางปูน่าอยู่คู่อุตสาหกรรม ซึ่งมีการถอดบทเรียนจากรายวิทยุของสถาบันพระปกเกล้า แลกเปลี่ยนโดย ดร. พริมลักษณ์ ร่วมสุข ปลัดเทศบาลปฏิบัติหน้าที่แทนนายกเทศบาลบางปู ถอดบทเรียนสาระสำคัญว่าในปี ๒๕๔๒ ได้ยกฐานะเป็นเทศบาลตำบลบางปู สมุทรปราการ โดยมีวิสัยทัศน์ว่า “บางปูก้าวไกล ใส่ใจการศึกษา เพิ่มรายได้ประชา เน้นคุณค่าสังคม ระดมพัฒนาสิ่งแวดล้อม” โดยเน้นด้านสิ่งแวดล้อมเป็นสำคัญ เพราะเป็นเทศบาลที่มีขนาดพื้นที่ใหญ่ มีประชากรตามทะเบียนบ้านหนึ่งแสนกว่าคน มีพื้นที่ ๔ ตำบล มีงบประมาณพันกว่าล้าน ถือว่าเป็นเทศบาลอันดับหนึ่งของสมุทรปราการ ความต้องการของประชาชนจึงมีความหลากหลาย ประชากรแฝงจำนวนกว่า ๓-๔ แสนคน เพราะมีโรงงานในพื้นที่หลายร้อยกว่าโรงงาน
นโยบายของเทศบาลตำบลบางปูด้านการบริหารเน้นการบริหารที่ตอบสนองความต้องการของประชาชน ด้านความปลอดภัยประชาชน สนับสนุนให้ภาคประชาชนมีส่วนร่วมในการพัฒนา มุ่งเน้นระบบเทคโนโลยี มีการสร้างสำนักงานที่ทันสมัยให้สอดรับกับความต้องการของประชาชน ประชาชนสามารถทำทะเบียนและบัตรที่เทศบาลตำบลบางปู มีศูนย์เรียนรู้ผู้สูงอายุ มีห้องประชุมบรรจุคนได้ ๓,๐๐๐ คน เป็นแหล่งรองรับภาครัฐและเอกชนมาใช้ประโยชน์ได้ เช่น งานแต่งงาน งานบวช โดยบริการสังคม มีศูนย์กีฬาในร่มเพื่อมาออกกำลังกาย นอกจากนี้ยังมีนโยบายโครงสร้างพื้นฐาน เช่น ไฟฟ้าแสงสว่าง ไฟจราจร ผังเมือง ระบบระบายน้ำ รวมถึงด้านเศรษฐกิจ มีการสร้างพื้นที่สีเขียว มีการปลูกผัก เดินตามแนวทางเศรษฐกิจพอเพียง มีศูนย์เรียนรู้ มีสวนมะนาว พัฒนาเป็นแหล่งท่องเที่ยว มีการปลูกดอกทานตะวัน ส่วนด้านการศึกษามีการพัฒนาเด็กปฐมวัย ส่งเสริมด้านศาสนา รวมถึงด้านสิ่งแวดล้อม มีการพัฒนาเมืองบางปูน่าอยู่คู่อุตสาหกรรม เทศบาลบางปูมีโรงงานจำนวนมาก โรงงานย่อมมีมาตรการจำกัดน้ำเสีย ฝุ่น กลิ่นขยะ มลพิษต่างๆ เมื่อชาวบ้านร้องเรียนมาจะต้องรีบแก้ปัญหา พัฒนาพื้นที่สีเขียวเป็นแหล่งพักผ่อนของประชาชน โดยบุคลากรแต่ละกองของเทศบาลบางปูมากถึง ๖๐๐ -๗๐๐ คน จะลงไปช่วยเก็บขยะ สร้างการมีส่วนร่วมกับคนในชุมชน
ส่วนด้านสังคมและคุณภาพชีวิต เน้นพัฒนาให้ความรู้ให้คนในชุมชนในมิติต่างๆ มีการส่งเสริมผู้ด้อยโอกาส ผู้สูงอายุ ผู้ป่วยติดเตียง ตรวจเยี่ยมผู้ป่วยติดเตียง มีการฝึกอบรม อสม. ให้ลงไปช่วยในชุมชน โดยชาวบ้านให้ความร่วมมือกับเทศบาลเป็นอย่างดี ในกรณีการบุกรุกที่สาธารณะ ซึ่งบางครั้งกฎหมายเราไม่สามารถใช้กับประชาชนได้ จะทำให้เกิดคำว่า #ภาครัฐรังแกประชาชน โดยผู้บริหารมาจากประชาชน จึงไม่จำเป็นต้องขัดแย้งกัน เช่น ปัญหาน้ำท่วมสมุทรปราการ นำไม่ระบายออกทะเลเป็นปัญหาระดับจังหวัด จึงมีการแก้ปัญหาเพราะเรามีคลองสาธารณะกว้างประมาณ ๑๒ เมตร คลองนั้นชาวบ้านอยู่เต็มมีการบุกรุกเข้ามาในคลองมากกว่า ๕๐ ปี ซึ่งยาวนานมาก ปัญหาน้ำท่วมคือมีขยะเต็มไปหมด จึงนำผู้บริหารลงพื้นที่จริง โดยชาวบ้านบุกรุกที่จนคิดว่าเป็นที่ของตนเองแล้ว จะใช้กฎหมายไปขับไล่ไม่ได้ ภาครัฐต้องการให้น้ำระบายได้ จึงมีการตั้งโต๊ะเจรจา แรกๆ ที่ภาครัฐลงไปมีการต้านทุกรูปแบบ เพราะเข้าใจว่าภาครัฐจะไปขับไล่ โดยเบื้องต้นภาครัฐต้องการจัดการขยะเพื่อให้น้ำไหลสะดวก ทำให้ชาวบ้านยอมเก็บขยะใต้ถุนบ้านของตนเอง ปัจจุบันแก้ปัญหาน้ำท่วมได้ แต่ชาวบ้านยอมรับว่าอยู่ในที่สาธารณะจะออกต่อเมื่อภาครัฐจะใช้ประโยชน์ ปัจจุบันชาวบ้านยังสามารถอยู่ได้เพราะทางภาครัฐยังไม่ใช้ประโยชน์ใดๆ ปัจจุบันมีเจ้าหน้าที่ลงไปตรวจทุกเดือนด้วยการสร้างความเข้าใจว่าเป็นพื้นที่สาธารณะ ซึ่งเราไม่สามารถขับไล่ครั้งเดียวได้ บางบ้านมีการขยับออกจากพื้นที่ แต่พื้นที่มีความสะอาด
วิธีการในการลงไปในชุมชนค่อยๆ สร้างความเข้าใจทีละกลุ่ม ค่อยขยายภาพใหญ่ รวมถึงการขายของบริเวณฟุตบาททางเท้า มีการสร้างความเข้าใจ ให้คนในชุมชน เราจึงต้องตอบคำถามของประชาชนว่าทำไม่ได้เพราะอะไร ? จึงมีการขับเคลื่อนทั้งภาครัฐและความต้องการของประชาชน ในการขับเคลื่อนงานสมานฉันท์ในพื้นที่ ต่างพื้นที่ต่างยุทธวิธี แต่ละพื้นที่จะมีความแตกต่างกัน วัฒนธรรมองค์กรย่อมมีความแตกต่างกัน แต่ต้องมีความเป็นธรรมให้คำตอบของประชาชน ด้วยมีการพูดคุยกับประชาชนในพื้นที่ จึงต้องลงไปฟังประชาชนเพื่อแก้ปัญหาร่วมกันอย่างจริงจัง อย่าลืมประชาชนต้องคุยกับประชาชนจะลดความขัดแย้งในชุมชนและสังคมอย่างแท้จริง
พอมาลงพื้นที่ทำให้เห็นภาพรวมที่ชัดเจนมากยิ่งขึ้น โดยมีสาระประเด็นสำคัญเริ่มจากการเดินทางจากศูนย์ราชการได้มีโอกาสสนทนากับท่าน อาจารย์ ดร.ชลัท ประเทืองรัตนา ในประเด็นการทำงานด้านการจัดการความขัดแย้งและการทำงานการไกล่เกลี่ยข้อพิพาทในอนาคต จนถึงเทศบาลตำบลบางปู จังหวัดสมุทรปราการ
#ภาคเช้า เดินทางถึงเทศบาลตำบลบางปู จังหวัดสมุทรปราการ อาคารยิ่งใหญ่มากสะท้อนถึงMindsetที่ดีของผู้ออกแบบอาคารสถานที่ เจ้าหน้าที่ต้อนรับอย่างอบอุ่น โดยมีการเริ่มต้นจากการชมวีดิทัศน์กับคลองตะโก๊ะ ที่มีการขยายคลองและขุดคลองเพื่อให้เรือประมงของชาวบ้านนำอาหารเข้ามาแบบสดๆ โดยไม่รอนานถึง ๓ ชั่วโมง เพื่อให้น้ำขึ้นเพราะคลองตื้นเขิน ทางเทศบาลตำบลบางปูจึงมีนโยบายขุดคลองขยายคลองทำให้เดินเรือสะดวก ถือว่าเป็นการช่วยชาวบ้านให้มีรายได้ สะท้อนถึงเรือว่า เหตุแห่งเรือล่มมี ๓ ประการ คือ ลมแรง คนในเรือทะเลาะกัน และมีรูรั่วหรือรอยรั่ว ทำให้เรือล่มได้ เรือเหมือนองค์กรลมแรงคือ ใช้อารมณ์ใช้ความรุนแรงไม่ฟังกัน คนในเรือทะเลาะกันคือ มีความขัดแย้งที่ไม่ได้รับการแก้ไขหรือป้องกัน และรูรั่วหรือรอยรั่วคือ การทุจริตระดับโครงสร้าง นโยบาย องค์กรล้มสลายแน่นอน
รวมถึงชมวีดิทัศน์โครงการดีเด่นของเทศบาลตำบลบางปู คือ ทันตกรรม ด้วยการเข้าไปดูแลผู้สูงอายุด้านทันตกรรม โดยรวมพลจิตอาสา มี อสม.ในชุมชน เข้าไปมีบทบาทมีส่วนร่วมในการขับเคลื่อนโครงการทันตกรรม นับว่าเป็นโครงการที่ดี รวมถึงทางจักรยานและทางออกกำลังกายอดีตเป็นทางไม่ดีนัก จึงมีการยกระดับพัฒนาให้มีความสวยงาม มีความปลอดภัยระยะทาง ๑๗ กิโลเมตร รวมถึงคลองสวยน้ำใสปราศจากผักตบชวา เทศบาลตำบลบางปูจึงประกาศว่า เป็นเทศบาลที่ปราศจากผักตบชวา ทำให้ระบบน้ำสะอาด มีความสวยงาม ซึ่งพื้นที่ของเทศบาลตำบลบางปูเป็นพื้นที่ทางธรรมชาติและการท่องเที่ยว ทำให้ขยายตัวทางเศรษฐกิจและการท่องเที่ยว ประชาชนมีความหลากหลาย จึงต้องทำร่วมกับชุมชนเพื่อสอดรับกับความต้องการของประชาชน จึงเกิดอาคารนกนางนวล ซึ่งเป็นเอกลักษณ์ของนกนางนวล ออกแบบตามธรรมชาติ ระบบน้ำสามารถนำกลับมาใช้ใหม่ จากนั้นเป็นการแนะนำผู้บริหาร หัวหน้าส่วนต่างๆ ของเทศบาลตำบลบางปู
ดร.พริมลักษณ์ ร่วมสุข ปลัดเทศบาลปฏิบัติหน้าที่นายกเทศมนตรีตำบลบางปู กล่าวต้อนรับคณะศึกษาดูงาน ประเด็นสำคัญว่า ในอดีตที่นี่เรามีขยะเยอะมาก จึงสร้างให้ทุกคนมองว่าตนเองเป็นคนท้องถิ่น คำว่าท้องถิ่นจะมองสาธารณะเป็นของเราทุกคน ทุกคนต้องมีส่วนร่วมในการดูแลรักษา ถือว่าเป็นส่วนหนึ่งของธรรมาภิบาล โดยทุกคนทุกกองของเทศบาลจะต้องมีส่วนร่วมกับประชาชน ซึ่งทุกวันพุธบุคลากรของเทศบาลจะต้องลงไปเก็บขยะในชุมชน โดยช่วงแรกจะบ่นๆแต่พอลงไปทำจริงๆ เริ่มสนุก นำอาหารปิ่นโตลงไปทานด้วย เพราะทุกวันเกิดบุคลากรเราจะแจกปิ่นโตเพื่อนำใส่อาหารมารับประทาน ปลัดย้ายมา ปี ๒๕๕๗ จึงเริ่มโครงการนี้จนถึงปัจจุบัน ชนิดว่าลงทุกคนตั้งแต่ผู้บริหารถึงบุคลากร สิ่งที่เห็นเพิ่มเติมคือ มีการชวนคนในชุมชนลงไปเก็บด้วยชาวบ้านนำอาหารมาแบ่งปัน เป็นการเชื่อมสัมพันธ์กับชุมชน
รวมถึงผักตบชวา ด้วยเพราะจังหวัดสมุทรปราการเป็นปลายน้ำบางครั้งเจอศพลอยมา เพียงเพราะเจ้าหน้าที่ลงไปทำคงไม่หมด จึงต้องอาศัยคนในชุมชนลงมาช่วย เรามีโรงงานถึง ๗๐๐ กว่าโรงงาน จึงต้องบริหารจัดการผักตบชวา ซึ่งแรกๆ อาจจะบริหารเชิงบังคับ แต่ทุกคนเข้าใจ เพราะพื้นที่เราดูแล ๔ ตำบล ถือว่าเป็นเทศบาลขนาดใหญ่ รายได้ ๑๐๐๐ กว่าล้านในการบริหารจัดการ บุคลากรถึง ๘๐๐ กว่าคน ประชากรตามทะเบียนบ้าน แสนกว่าคน ส่วนประชากรแฝงราวๆ ๓-๔ แสนคน บุคลากรเราทำงานตลอด ๒๔ ชั่วโมง ในมิติเชิงป้องกัน อาคารนกนางนวลที่เรานั่งอยู่ตรงนี้ จำนวน ๖๘ ไร่ ด้านหน้าติดสุขุมวิท ด้านหลังติดทะเล ใช้งบในการสร้าง ๔๐๐ ล้านเป็นการสร้างด้วยธรรมาภิบาล มีการประมูลอย่างเป็นระบบ มัห้องสมุด มีสนามกีฬา โดยปลัดเทศบาลควบคุมมาตรฐาน ทำงานด้วยความมุ่งมั่นมีธรรมาภิบาล ให้เจ้าหน้าที่ห่างไกลจากคุกมากที่สุด คือต้องสุจริต ซึ่งผู้บริหารระดับสูงพยายามจะตอบโจทย์ชาวบ้าน อย่าลืมว่าความต้องการไม่มีที่สิ้นสุด แต่ต้องหาวิธีการตอบสนองความต้องการให้เป็นระบบ เพื่อการอยู่ร่วมกัน เทศบาลจึงมุ่งทำงานร่วมกับชุมชน จึงขอต้อนรับนักศึกษา หลักสูตรแนวคิดพื้นฐานการจัดการความขัดแย้งด้วยสันติวิธี” รุ่น ๕ จากสำนักสันติวิธีและธรรมาภิบาล สถาบันพระปกเกล้า ทุกท่าน
ดร.ชลัท ประเทืองรัตนา ในฐานะอาจารย์สถาบันพระปกเกล้า กล่าวถึงวัตถุประสงค์ของการมาศึกษาดูงานในครั้งนี้ว่า เพื่อมาเรียนรู้ในบริบทชุมชนที่มีความขัดแย้งในสภาพจริงว่าจะหาทางออกอย่างไร ? จะอยู่ร่วมกันอย่างไรโดยใช้สันติวิธี ? ชุมชนกับเทศบาลมีการบริหารงานร่วมกับชุมชนอย่างไร? ซึ่งท่านปลัดเคยไปเป็นลูกศิษย์สถาบันพระปกเกล้า เมื่อไปเรียนแล้วนำมาใช้จริงในพื้นที่พัฒนางานพัฒนาชีวิต จึงถือว่าสามารถตอบโจทย์สถาบันพระปกเกล้าได้เป็นอย่างดี
ดังนั้น เทศบาลตำบลบางปูถือว่าเป็นต้นแบบของเทศบาลที่มีการบริหารงานแบบธรรมาภิบาล ต้นแบบท้องถิ่นกับการบริหารความขัดแย้งโดยสันติวิธี สร้างการมีส่วนร่วมชุมชนมาช่วยบริหารมองถึงสาธารณะทุกคนต้องช่วยกันป้องกันและรักษา มีผู้นำที่จริงจังในการแก้ปัญหา ถึงแม้ตอนแรกจะใช้ความรุนแรงปฏิบัติตามกฎหมายแต่ไม่ได้ผล จึงหันมาเจรจาพูดคุยหาทางออกร่วมกันแบบสันติวิธี ในฐานที่ท่านปลัดเทศบาลได้มีโอกาสไปศึกษาแนวทางการจัดการความขัดแย้งด้วยสันติวิธีที่สถาบันพระปกเกล้า ทำให้ตระหนักในการแก้ปัญหาที่สันติวิธี จึงขอชื่นท่านปลัดและบุคลากรที่เห็นยึดมั่นในความถูกต้องและไม่ใช้ความรุนแรงในการแก้ปัญหาที่เกิดขึ้น เป็นการมอง How มากกว่ามอง Why เพราะมองแบบWhy ทำไม เป็นการมองหาคนผิด เป็นการมองเพื่อจะไม่ฟังกัน เป็นการมองด้วยอารมณ์ แต่มองแบบ How เป็นการมองว่าปัญหาที่เกิดขึ้นนี้เราแก้ปัญหานี้ด้วยสันติวิธีอย่างไร ?
คลิกที่นี่