ภูมิภาค
“อัจริยะ”แจ้งความ“ทนายเดช”-นักข่าว
วันศุกร์ ที่ 01 กรกฎาคม พ.ศ. 2565, 13.38 น.
ติดตามข่าวด่วน กระแสข่าวบน Facebook คลิกที่นี่
เมื่อเวลา 10.00 น.วันที่ 1 ก.ค.65 นายอัจฉริยะ เรืองรัตนพงศ์ ประธานชมรมช่วยเหลือเหยื่ออาชญากรรม ได้เดินทางมาแจ้งความ กับร.ต.อ.สมคิด จิ๋วเชื้อพันธ์ รอง สว.(สอบสวน) สภ.พระประแดง จ.สมุทรปราการ ให้ดำเนินคดีตามกฎหมายกับ ทนายเดชา หรือ นายเดชา กิตติวิทยานันท์ ทนายความ และนักข่าวคนหนึ่ง ในข้อหาหมิ่นประมาทด้วยการโฆษณา อย่างที่บอกเมื่อมีการละเมิดกฎหมาย เราก็มาแจ้งสิทธิ์ สำหรับทนายเดชาเป็นคดีที่ 5 ส่วนนักข่าวเป็นคดีที่ 1 ซึ่งอย่างที่บอก ฟ้องไปเรื่อยๆอย่างนี้จนกว่าเขาจะหยุดพูด พูดเท่าไหร่ก็โดนเท่านั้น
ซึ่งเมื่อวันที่ 26 มิถุนายน ที่ผ่านมาก็เข้ามาแจ้งความกับเจ้าหน้าที่ตำรวจซึ่งเป็นคนละคดีกับวันนี้ ข่าวที่แล้วเป็นคดีหมิ่นประมาทผมกับลูก ที่ว่าพาดพิงลูกและครอบครัวผม ก็ลองถามเขาดูว่าเขา รักลูกรักเมียไหม ก่อนที่จะพาดพิงคนอื่น คุณต้องมองย้อนกลับไปดูว่าคุณรักลูกรักเมียไหม ผมก็รักลูกรักเมีย จึงต้องใช้สิทธิ์ตามกฎหมาย ซึ่งจากนี้ก็จะไม่มีการพูดคุยกับทนายเดชา จะคุยทำไมเขาก็มีทีเด็ด คืออย่างนี้เขาก็มั่นใจว่าเขามีตำรวจเป็น Back ว่าสามารถทำอะไรก็ได้ ซึ่งผมก็อยากจะบอกว่าตำรวจคบยาก เวลาที่เขาจะใช้งานคุณ เขาก็พูดดีแต่เวลาที่คุณมีเรื่อง คุณถูกดำเนินคดี เขาไม่ช่วยคุณหรอกคุณอย่าหวังเลยว่าจะมีคนมาช่วยคุณ
ถึงเวลานั้นก็ตัวใครตัวมัน ตำรวจยังเอาตัวไม่รอดเลยนับประสาอะไรกับตัวคุณเองในคดีนี้ ตำรวจมาติดกับดักเรา เลย มาฟ้องเรามั่งตั้ง 3-4 คดี เรารอดหมดเรารอดตายอยู่แล้ว แล้วเรื่องที่ว่าจะให้เราไปขอขมา ผู้บัญชาการภาค 1 ที่มี คนฝากเรามาก็ไปว่ากันในชั้นศาล คนอย่างผมไม่ใช่ว่า คุณจะมาเชื่อผมง่ายๆ ถ้าคุณทำผมคนอย่างผมถ้าผมยังไม่ตายผมก็เอาคืน คนอย่างผมเกิดมาครั้งเดียวตายคนเดียว ผมนั่งรถมอเตอร์ไซค์รับจ้างมา พวกคุณนั่งเบนซ์มีดาว เต็มบ่าก็ลองวัดกันดู ลูกเมียคุณก็มีผมก็รู้ คุณจะวัดไหมล่ะผมนั่งสามล้อ คุณขับรถเบนซ์ก็ลองแลกกันดู ที่กล่าวมาทั้งหมดผมไม่ได้เปิดศึกกับเจ้าหน้าที่ตำรวจแต่ผมไม่ได้กระทำผิดแต่แจ้งเท็จผม เหมือนสไตล์ตำรวจโบราณ ข่มขู่ ข่มเหง รังแกยัดข้อหา ตามสไตล์ของตำรวจโบราณอยู่แล้ว ซึ่งมันหมดยุคแล้วมันไม่มีหรอก ยิ่งมาแจ้งความผม 21 กว่าคนแบบนี้หวานเจี๊ยบเลย ผมต้อนอยู่ๆแล้ว ให้แน่แล้วกันผมวัดกันถึงศาลฎีกา ผมบอกให้เลยว่าแต่ละคน เกษียณไม่สวยหรอก
นายอัจฉริยะกล่าวต่อว่าไม่ต้องห่วงผม ห่วงตัวเองดีกว่า ว่าจะโดนอีกกี่คดี เพราะสิ่งที่พูดคุณพูดมาเยอะแล้ว เพราะเราก็เก็บข้อมูลแล้วเราก็ค่อยๆถอดเทปออกมา อย่างที่บอกอันไหนไม่เข้าเราก็ไม่แจ้งอันไหนเข้าเราก็แจ้งความ แล้วก็ไปว่ากันที่ศาล แต่คราวนี้ไม่เหมือนคราวที่แล้ว ผมยืนยันเลยสู้กันในศาลให้มีคำพิพากษา
อย่างไรก็ตามหลังจากที่นายอัจฉริยะ ได้ยื่นข้อมูลและเอกสารลงบันทึกประจำวันแล้วเจ้าหน้าที่ตำรวจได้เชิญขึ้นไปยังชั้น 2 เพื่อสอบปากคำเพิ่มเติมเกี่ยวกับคดีหมิ่นประมาทดังกล่าวที่นายอัจฉริยะมาแจ้งความในวันนี้
ติดตามข่าวด่วน กระแสข่าวบน Facebook คลิกที่นี่