แถลงจับ เจ๊หนึ่ง เจ้าแม่แดน 8 พร้อมพวก ใส่วิกปลอมเป็นสาวอำพรางตัว ตระเวนลักทรัพย์ในกรุงเทพฯ และสมุทรปราการ ได้ของมีค่านับร้อยรายการ พบประวัติเคยติดคุก 7 ปี คดีเดิมและเพิ่งพ้นโทษออกมาไม่นาน
วันที่ 11 มีนาคม 2564 สำนักข่าวไทย รายงานว่า พล.ต.ท. ภัคพงศ์ พงษ์เภตรา ผู้บัญชาการตำรวจนครบาล แถลงจับกุมนายบุญเลิศ อายุ 49 ปี หรือ เจ๊หนึ่งเจ้าแม่แดน 8 และนายโกเมศร์ อายุ 45 ปี ผู้ต้องหาตามหมายจับศาลอาญากรุงเทพใต้ ข้อหาบุกรุกเคหสถานและลักทรัพย์ในเวลากลางคืน
สืบเนื่องจากตำรวจ สน.คลองตัน ได้รับแจ้งจากชาวบ้านในพื้นที่ว่ามีคนร้ายเป็นบุคคลข้ามเพศตระเวนลักทรัพย์ ขณะก่อเหตุจะใส่วิกผมแต่งกายเป็นผู้หญิงเพื่อปิดบังตัวตน การแต่งตัวจะเปลี่ยนไปตามสถานการณ์การก่อเหตุแต่ละครั้ง ทางเจ้าหน้าที่ได้ตรวจสอบประวัติพบว่า คนร้ายมีประวัติเกี่ยวกับคดีลักทรัพย์และยาเสพติดมาก่อน เพิ่งพ้นโทษออกมาไม่นาน
ขณะเดียวกัน ยังพบว่าคนร้ายก่อเหตุในพื้นที่ สน.พระโขนง, สน.ยานนาวา และพื้นที่อื่น ๆ ใกล้เคียง จึงรวบรวมพยานหลักฐานขออำนาจศาลออกหมายจับและติดตามจับกุมได้ในที่สุด บริเวณห้องเช่าย่านทุ่งครุ พร้อมของกลางเป็นทรัพย์สินมีค่า 143 รายการ มูลค่า 300,000 บาท
เบื้องต้น นายบุญเลิศ ให้การรับสารภาพว่า ก่อเหตุร่วมกับนายโกเมศร์จริง จะตระเวนตามชุมชนมุสลิมและตามห้องเช่าหอพักต่าง ๆ เนื่องจากไม่มีสัตว์เลี้ยงมารบกวนการก่อเกตุ โดยใช้วิธีเดินดูตามห้องพักและจับลูกบิดตรวจสอบ หากห้องใดไม่ได้ล็อกประตูจะเข้าไปขโมยทรัพย์สิน ทั้งนี้ก่อเหตุแล้วหลายสิบครั้งในพื้นที่กรุงเทพฯ และจังหวัดสมุทรปราการ มูลค่าทรัพย์สินรวมหลายล้านบาท ส่วนทรัพย์สินที่ขโมยได้จะนำไปขายเพื่อนำมาเล่นพนันออนไลน์ และซื้อยาเสพติด
ส่วนวิกและเสื้อผ้าที่ใช้ก่อเหตุส่วนหนึ่งมาจากตัวผู้ต้องหาเป็นหัวหน้าคณะโชว์คาบาเรต์ เคยรับงานร่วมกับลูกทีมแต่พอโควิดระบาดงานลดลง จึงนำวิกผมและเสื้อผ้ามาใช้ใส่พรางตาเจ้าหน้าที่ เพราะเชื่อว่าจะช่วยปลอมตัวได้อย่างแนบเนียนโดยไม่ต้องปกปิดใบหน้าหรือใส่หน้ากาก
อย่างไรก็ตาม จากการสอบสวนขยายผล พบว่า ผู้ต้องหาเคยต้องโทษที่เรือนจำพิเศษธนบุรีมาเป็นเวลา 7 ปี ในคดียาเสพติดและลักทรัพย์ จนได้ฉายาจากผู้ต้องขังด้วยกันว่า “เจ๊หนึ่งเจ้าแม่แดน 8” เนื่องจากระหว่างที่ต้องโทษได้ร้องเพลงโชว์คาบาเรต์ให้เพื่อนต้องขังดูจนทุกคนจำได้