เผยแพร่: ปรับปรุง: โดย: ผู้จัดการออนไลน์
วันนี้(24 ส.ค.)ดร.น้ำผึ้ง มีศีล อาจารย์ประจำคณะสังคมศาสตร์และสวัสดิการสังคม มหาวิทยาลัยหัวเฉียวเฉลิมพระเกียรติ และนักวิจัยในโครงการเสริมพลังชุมชนเฝ้าระวังทางสังคมและดูแลช่วยเหลือผู้ที่ได้รับผลกระทบทางเศรษฐกิจ สังคมจากการแพร่ระบาดโรคโควิด-19 ที่คณะสังคมสงเคราะห์ศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ได้รับการสนับสนุนจาก สสส.
กล่าวว่า ได้ชักชวนผู้นำชุมชนศิริสุข ต.บางเมืองใหม่ อ.เมือง จ.สมุทรปราการ เข้าร่วมโครงการฯ โดยได้อบรมจัดระเบียบตั้งกลุ่มกรรมการในชุุมชน ขณะที่ สสส.นำนักวิจัยเข้าไปสร้างพลังบวกพร้อมกับเสนอแนะให้ตั้งกลุ่มไลน์ของชุมชนเป็นการเฉพาะเพื่อเป็นประโยชน์ในการสื่อสารให้ทั่วถึงในภาวะวิกฤตซึ่งก็ได้ผล กลุ่มไลน์หมู่บ้านได้เข้ามามีบทบาทสร้างพลังเป็นสื่อกลางแก้ปัญหาในชุมชนในสถานการณ์การระบาดของโควิดจนถึงปัจจุบัน
ดร.น้ำผึ้ง กล่าวว่า เดิมทีชุมชนแห่งนี้ ไม่มีปัญหาเรื่องโควิด แต่การระบาดครั้งล่าสุด ประธานชุมชนทำทุกวิถีทางเพื่อแก้ปัญหาโดยใช้ทุนส่วนตัวช่วยลูกบ้าน เช่น ทำชุดอบสมุนไพร ต้มน้ำขิงที่เป็นภูมิปัญญาป้องกันโควิดให้ผู้ป่วยและกลุ่มเสี่ยงในชุมชน
“สิ่งสำคัญ ที่มีการต่อยอดจากไลน์หมู่บ้าน คือ เป็นตลาดออนไลน์ที่ใช้ซื้อขายของกันในชุมชนกันคึกคักเพื่อลดการเดินทางในช่วงโควิด ไลน์กลุ่มยังทำหน้าที่ร้องทุกข์ บอกปัญหาต่างๆ แจ้งเตือนข่าวสารเรื่องโควิดในหมู่บ้านกลายเป็นกลไกพลังบวกสนับสนุนจุดเด่นช่วยให้ประธานชุมชน แจกจ่ายสมุนไพรรักษาโควิดให้ลูกบ้านได้มีประสิทธิภาพมากขึ้น” ดร.น้ำผึ้ง กล่าว
ด้านนายกอบกิจ สุริยะมณี ประธานชุมชนศิริสุข ต.บางเมืองใหม่ อ.เมือง จ.สมุทรปราการ กล่าวว่า ได้เข้าอบรมโครงการฯเมื่อปีที่แล้ว โดยพา อสม. เยาวชน เข้าร่วมทำให้ได้ความรู้นำไปปรับปรุงช่วยชุมชน เช่น ทำความเข้าใจกับชาวบ้านซึ่งมีอยู่กว่า 2,000 คนว่า เราจะป้องกันโควิดอย่างไร จากเดิมเมื่อปีที่แล้ว ชุมชนเราไม่ค่อยให้ความร่วมมือและไม่ทราบความร้ายแรงของโรคแต่ตอนหลังมาการระบาดเริ่มมากขึ้น เราจึงนำสิ่งที่อบรมมาปรับใช้ ถือว่า ได้ประโยชน์อย่างมาก
สิ่งที่ได้เรียนรู้ คือ ตระหนักถึงการที่ต้องช่วยเหลือป้องกันดูแลตัวเอง เราทำสื่อ เอกสารแจกคนในชุมชนว่าอยู่ในความเสี่ยงขั้นไหน ทำแผ่นป้ายไวนิล ติดหน้าชุมชนให้เขาตระหนักและยังให้ชาวบ้านเข้าไลน์กลุ่มชุมชน ซึ่งเป็นเรื่องที่ยากมากกว่าจะให้คนจำนวน 1 พันเข้าร่วมไลน์สำเร็จ
นายกอบกิจ กล่าวว่า การระบาดครั้งล่าสุด เราแบ่งความรับผิดชอบในหมู่ อสม.ของชุมชนดูแลลูกบ้านตามหลังคาเรือน โดยได้ทำน้ำขิง สมุนไพรอบไอน้ำให้ อสม.นำไปแจกจ่ายในชุมชน และชุมชนรอบข้างให้กับกลุ่มเสี่ยงที่ติดโควิดเพื่อไม่ให้เชื้อกระจาย นอกจากนี้ยังได้ทำอาหารแจก แขวนไว้ตามบ้าน มีถุงยังชีพบริการให้ชุมชน
“เราต้มน้ำขิง ครั้งหนึ่งประมาณ 100 ขวด สัปดาห์ละ 3 ครั้ง น้ำขิงช่วยฆ่าเชื้อในลำคอ เรายังทำชุดอบสมุนไพร ประกอบด้วย เตยหอม ใบมะกรูด หอมแดง ตะไคร้หอม ให้กับกลุ่มเสี่ยงในชุมชนทำให้ปอดแข็งแรง หลังจากกลับจากทำงานแล้วให้อาบน้ำอบด้วยสมุนไพรที่เรานำไปแจกจ่ายโดยให้สูดอมชุดอบสมุนไพรพื่อฆ่าเชื้อในลำคอ เราใช้ไลน์กลุ่มสอบถามใครต้องการชุดสมุนไพร เราก็นำไปส่งให้ ส่วนใหญ่จะอยู่ที่ 20 หลังคาเรือนที่อยู่ในกลุ่มเสี่ยง ชุมชนภายนอกอีก 7 ครอบครัว” นายกอบกิจ กล่าว
ประธานชุมชนศิริสุข กล่าวว่า การที่เราให้น้ำขิงกับผู้ติดเชื้อก็เพื่อประคองอาการระหว่างรอโรงพยาบาลมารับไปรักษา ซึ่งทางโรงพยาบาล จะบอกเสมอว่า ปอดของคนไข้ในชุมชนสะอาดแทบไม่พบเชื้อ แม้ที่ผ่านมาจะมีผู้เสียชีวิตจากการติดโควิดเพียง 2 คน แต่ก็มาจากการปิดบังข้อมูลจนเชื้อลามในครอบครัว อีกปัจจัย คือ คนในชุมชนต้องเดินทางไปทำงานนอกบ้านเป็นเรื่องสุดวิสัยที่แก้ได้ แต่การใช้ทักษะ เครื่องมือเหล่านี้ ถือว่า ช่วยลดความเสี่ยงจากโควิดกับลูกบ้านได้