แน่นอนว่าการขยายสัญญาสัมปทานรถไฟฟ้าสายสีเขียวที่จะหมดสัญญาในปี 2572 นั้น ยังไม่ได้มีการหารืออย่างละเอียดที่ชัดเจน โดยผู้ว่าฯ กทม.มองว่าเรื่องนี้มีส่วนที่เกี่ยวข้องกับฝ่ายอื่นๆ ทั้งสำนักการจราจรและขนส่ง กรุงเทพมหานคร หรือ สจส. และสภา กทม. ที่จะต้องพูดคุยกันเพื่อดูรายละเอียดข้อมูลและทบทวนการต่ออายุสัญญา จึงมอบให้สภา กทม.ดูเนื้อหาอย่างละเอียดตามแนวทางปฏิบัติ เพราะสัญญาเดิมที่ค้างอยู่ในคณะรัฐมนตรี (ครม.) ขณะนี้เกิดขึ้นจากการพิจารณาของคณะกรรมการที่ถูกตั้งขึ้นโดยใช้มาตรา 44 หากศึกษารายละเอียดแล้วเชื่อว่าจะมีจุดที่ทำให้สัญญาถูกลงได้ เพราะที่ผ่านมาไม่มีการใช้พระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) ร่วมทุนเข้ามาแข่งขัน
ขณะที่ศักดิ์สยาม ชิดชอบ รมว.คมนาคม ได้ให้รายละเอียดกรณีสัมปทานโครงการรถไฟฟ้าสายสีเขียว ว่าขอให้ปฏิบัติถูกต้องตามระเบียบข้อกฎหมาย ซึ่งกระทรวงคมนาคมยืนยันหลักการนี้ อย่าไปพูดอะไรล่วงหน้า เพราะมีรายละเอียดเยอะ ขณะเดียวกันมองว่าอยู่ที่ผลการศึกษา หลักการอยู่ที่ทำอะไรแล้วประชาชนได้ประโยชน์สูงสุดก็เป็นสิ่งที่ถูกต้อง แต่ทุกอย่างต้องอยู่ภายใต้กฎหมายและสัญญา การที่อยู่ๆ จะไปลดอะไรต่างๆ นานา ต้องไปดูด้วยว่าสัญญาสามารถทำได้หรือไม่ ระวังจะเป็นค่าโง่
มาดูกันที่ภาระหนี้สินระหว่างกรุงเทพมหานครกับบีทีเอส จากข้อมูลล่าสุดมีจำนวน 40,000 ล้านบาท ซึ่งประกอบด้วย 2 ส่วน คือ 1.ค่าจ้างเดินรถและบำรุงรักษา (08M) ส่วนต่อขยายที่ 1 จำนวน 3,710 ล้านบาท ส่วนต่อขยายที่ 2 จำนวน 13,343 ล้านบาท และ 2.ค่าติดตั้งงานระบบไฟฟ้าและเครื่องกล (E&M) จำนวน 20,088 ล้านบาท โดยปัจจุบันบีทีเอสได้ทวงถามหนี้กับ กทม.มาแล้วหลายครั้ง และได้ยื่นฟ้องเพื่อให้ กทม.จ่ายหนี้ในส่วนของค่าจ้างเดินรถที่ขณะนี้เป็นจำนวน 13,343 ล้านบาทแล้ว
ขณะเดียวกันกรุงเทพมหานครยังมีภาระหนี้ที่ต้องชำระกับบีทีเอสอีก แบ่งเป็น ภาระเงินต้นงานโยธา รถไฟฟ้าสายสีเขียวส่วนต่อขยาย แบริ่ง-สมุทรปราการ และหมอชิต-สะพานใหม่-คูคต ที่กรุงเทพมหานครรับโอนมาจากการรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนแห่งประเทศไทย (รฟม.) ในปี 2561 จำนวน 55,000 ล้านบาท และภาระดอกเบี้ยงานโยธา รถไฟฟ้าสายสีเขียวส่วนต่อขยาย แบริ่ง-สมุทรปราการ และหมอชิต-สะพานใหม่-คูคต ปี 2564-2572 ประมาณ 10,000 ล้านบาท
คงต้องติดตามความคืบหน้ากันอย่างใกล้ชิด หลังจากกระทรวงคมนาคมเตรียมทำหนังสือเชิญไปยังปลัดกรุงเทพมหานคร และประธานกรรมการร่วม เพื่อเข้าประชุมคณะกรรมการกำกับดูแลและติดตามผลการดำเนินงาน ตามบันทึกข้อตกลงความร่วมมือการมอบหมายให้กรุงเทพมหานครเป็นผู้บริการจัดการเดินรถ โครงการรถไฟฟ้าสายสีเขียว ช่วงหมอชิต-สะพานใหม่-คูคต และช่วงแบริ่ง-สมุทรปราการ ครั้งที่ 2/2565 ในวันจันทร์ที่ 13 มิ.ย.นี้ เพื่อหารือแนวทางการดำเนินโครงการร่วมกัน
เนื่องจากผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานครและคณะผู้บริการชุดใหม่ได้เข้าบริหารราชการ กระทรวงจึงขอเรียนเชิญผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานครให้เกียรติเข้าร่วมการประชุมเพื่อรับทราบข้อมูลและรายละเอียดของโครงการกับกระทรวงคมนาคม
ต้องมาลุ้นกันว่าปมสัมปทานโครงการรถไฟฟ้าสายสีเขียว จะสรุปออกมาในแนวทางใด ต้องมาติดตามกันหลังจากนี้.
กัลยา ยืนยง